ค่าบำรุงรักษารถยนต์ระหว่างรถยนต์รถน้ำมันและรถยนต์ไฟฟ้า EV
สำหรับรถยนต์ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามักใช้กันเป็นระยะเวลานาน ความคุ้มค่าจึงเป็นสิ่งที่เรามักจะพิจารณาในลำดับต้นๆ หลายคนอาจจะพิจารณาเพียงราคาของรถยนต์ หรือของแถมตกแต่ง จนบางครั้งมองข้ามเรื่องของการบำรุงรักษารถยนต์ไป ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงจิปาถะรถยนต์รายเดือน หรือ การบำรุงรักษารถยนต์รายปี บางคนอาจจะรู้สึกว่าราคาของรถยนต์ไฟฟ้านั้นยังสูงอยู่เพราะมีราคาใกล้แตะล้านบาทแล้ว หรือยังไม่เชื่อมั่นในเทคโนโลยี ซึ่งจริงๆแล้ว รถยนต์ Tesla นั้นได้เปิดตัวตั้งแต่ปี 2008 หรือเท่ากับสิบกว่าปีแล้ว ทั้งนี้รถยนต์ทั้งสองประเภทนั้นมีค่าเชื้อเพลิงหรือพลังงานและค่าซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นในระยะยาวแล้วเราจึงอยากขอนำข้อมูลมาเปรียบเทียบเพื่อช่วยในการประกอบการติดสินใจ
ตารางเปรียบเทียบค่าบำรุงรักษารถยนต์น้ำมันและรถยนต์ไฟฟ้า (BEV)
ระยะทาง 1 แสน กิโลเมตร หรือ 5 ปี |
||
---|---|---|
รายการค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถยนต์ |
รถยนต์น้ำมัน |
รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) |
ค่าเชื้อเพลิง/พลังงาน | 3-5 บาท/กิโลเมตร | 0.70 บาท/กิโลเมตร |
ค่าซ่อมบำรุง 100,000 กิโลเมตร | 20,000-27,000 บาท | 8,000 บาท |
เบี้ยประกันชั้น 1 | 20,000 บาท | 25,000 บาท |
จากตารางด้านบนจะเห็นได้ว่า เมื่อวิ่งระยะทางถึง 1 แสนกิโลเมตรแล้ว แล้วรถยนต์ไฟฟ้าจะมีค่าน้ำมันเชื้อเพลงอยู่ที่ 300,000 – 500,000 บาท ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า BEV จะอยู่ที่ประมาณ 70,000 บาท หรือประหยัดกว่า 200,000 – 400,000 บาท ซึ่งตรงนี้สามารถชดเชยในส่วนที่บางคนอาจจะรู้สึกว่าราคารถยนต์ไฟฟ้านั้นแพงกว่า สำหรับค่าซ่อมบำรุงนั้นของรถยนต์น้ำมันนั้นสูงกว่า แต่เบี้ยประกันของรถยนต์ไฟฟ้านั้นสูงกว่า ซึ่งเมื่อเฉลี่ย 5 ปีหักล้างกันแล้วไม่ต่างกันมาก
จากข้อมูลดังกล่าวสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า BEV แล้วแม้จะมีค่าติดตั้ง EV Charger ก็ยังคุ้มกว่า เพราะส่วนต่างของค่าพลังงานที่มีค่าเพียง 1 ใน 3 ของรถยนต์น้ำมัน และการชาร์จตามสถานีนั้นมีค่าใช้จ่ายแพงกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับค่าไฟบ้าน ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วก็ใกล้ถึงค่าเชื้อของรถยนต์น้ำมันมากยิ่งขึ้น และทำให้เราประหยัดเวลาและค่าไฟในการเดินทางไปสถานีบริการจุดต่างๆด้วย
ถึงตอนนี้หลายคนอาจจะเริ่มรู้สึกว่าราคารถยนต์และค่าใช้จ่ายรวมกันแล้ว รถยนต์ทั้ง 2 ประเภทนั้นไม่ได้ต่างกันมาก แต่เราอยากจะขอชวนให้สังเกตว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นมีคุณประโยชน์ที่มากกว่ารถยนต์น้ำมัน นอกเหนือจากราคาและค่าใช้จ่าย ดังนี้
- การประหยัดเวลาและค่าพลังงานในการแวะเข้าสถานีบริการน้ำมัน เนื่องจากสามารถชาร์จแบตได้เองที่บ้าน ซึ่งนั่นรวมถึงระยะทางในการใช้งานที่สั้นลงและอายุรถที่ยาวขึ้น
ประสิทธิภาพสูงกว่า โดยรถยนต์ไฟฟ้าใช้มอเตอร์ที่มีแรงบิดสูงตั้งแต่เริ่มออกตัว ทำให้มีอัตราเร่งที่ดีกว่า
เนื่องด้วยมีชิ้นส่วนที่น้อยกว่า จึงลดความถี่ในการเข้าศูนย์บริการ
มีความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากจุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้เกาะถนนดีกว่าจึงมีความเสี่ยงพลิกคว่ำน้อยกว่า และเมื่อเกิดการชนกัน รถยนต์ไฟฟ้า BEV มีความเสี่ยงจะเกิดเพลิงไหม้น้อยสุดในบรรดารถยนต์ทุกประเภท
รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเป็นได้มากกว่ายานพาหนะ เราสามารถเปิดแอร์เพื่อเปลี่ยนเป็นห้องนั่งเล่น ห้องทำงานนอกสถานที่ หรือนอนในรถได้ทั้งคืน เพราะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เหมาะกับการจอดรอผู้โดยสารคนอื่น หรือจอดพักในสถานที่ต่างๆ โดยไม่ปล่อยไอเสียไหลย้อน ปลอดภัยกับผู้โดยสารและไม่ส่งเสียงรบกวนผู้อื่น
ลดการปลดปล่อยพลังงานความร้อนสู่บริเวณรอบๆ ทั้งในขณะเดินทางและจอดรถติดกลางถนน และมีเสียงที่เงียบมาก
อย่างไรก็ดีเรายังแนะนำให้มีรถยนต์น้ำมันในบ้านอย่างน้อย 1 คันเพื่อสะดวกในการเดินทางไกลไปยังบางสถานที่เป็นแผนสำรองเพื่อความสะดวกต่างๆ และอย่าลืมติด EV Charger เพื่อความคุ้มค่าสูงสุดนะครับ สนใจสอบถามเรื่องเครื่องชาร์จรถยนไฟฟ้า พร้อมราคาติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญงานได้ตามปุ่มด้านล่าง