เครื่องชาร์จแบบ AC จำเป็นหรือไม่?
สำหรับเจ้าของรถยนต์ EV บางคนอาจจะสงสัยว่า ถ้าทางผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าได้แถมอุปกรณ์การชาร์จลักษณะเป็นเครื่องสี่เหลี่ยมและมีปลั๊กไฟมาในตัว แล้วเครื่องชาร์จแบบ AC ที่ติดตามบ้านหรือแบบ DC ตามสถานีนั้นยังจำเป็นต้องติดเพิ่มหรือไม่ หรือมีประโยชน์แตกต่างกันอย่างไร วันนี้บริษัทพลังยานยนต์จำกัดจะพามาทำความรู้จักกันกับเครื่องชาร์จทั้งสองแบบ และมาตรฐานการติดตั้ง EV Charger หรือเครื่องอัดประจำ
เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบพกพาหรือเครื่องอัดประจำ มักมีขนาดสูงสุดที่ 3.7 kW ซึ่งถ้าหากแบตเตอรี่ขนาด 60.3 kW จะใช้เวลาประมาณ 18 ชั่วโมงเลยทีเดียว
สำหรับเครื่องชาร์จ EV Charger แบบ AC นั้น สามารถจ่ายไฟที่กำลังไฟฟ้าที่สูงกว่า จึงทำให้ใช้เวลาการชาร์จที่เร็วกว่าหลายเท่าตัว ด้วยการชาร์จที่เร็วกว่าจึงไม่สามารถใช้สายไฟที่เดินไว้แล้วตามบ้าน ต้องทำการเดินสายไฟใหม่ที่ขนาดใหญ่กว่าและมีอุปกรณ์ป้องกันเพิ่มเติมจากกระแสไฟฟ้าที่อาจรั่วได้
ตามมาตรฐานการติดตั้งของการไฟฟ้าได้แบ่งประเภทของ เครื่องอัดประจุหรือเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้ 4 โหมดคือ
โหมด 1 เป็นการเชื่อมต่อเครื่องชาร์จเข้ากับเต้ารับมาตรฐาน โดยไม่มีอุปกรณ์ควบคุมใดๆ และมีพิกัดกระแสไฟฟ้าไม่เกิน 32 A ซึ่งโหมดนี้ห้ามใช้ตาม มอก. 61851
โหมด 2 เป็นการเชื่อมต่อเครื่องชาร์จเข้ากับเต้ารับมาตรฐาน โดยมีอุปกรณ์ความคุมและป้องกันในสาย และมีพิกัดกระแสไฟฟ้าไม่เกิน 32 A โหมดนี้คืออุปกรณ์การชาร์จพกพาแบบฉุกเฉินที่ค่ายรถแถมมาให้พร้อมกับตัวรถ
ดังนั้น ตามมาตรฐานในการติดตั้งโหมดที่ 2 แล้ว หากเราต้องการจะใช้เครื่องชาร์จที่แถมมากับรถยนต์ไฟฟ้า จะต้องทำการเดินสายไฟใหม่ที่มีขนาดรองรับและติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วหรือ RCCB ด้วย ซึ่งมีการติดตั้งลักษณะเดียวกันกับการติดตั้ง EV Charger ขนาด 7.4 kW ต่างกันที่ตำแหน่งของ EV Charger จะเป็นเต้ารับเพื่อใช้เสียบเข้ากับเครื่องชาร์จนั่นเอง
การติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐานอาจส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมในสายไฟบ้านที่อุปกรณ์การชาร์จเสียบอยู่ และมีความเสี่ยงจะเกิดความเสียหายหรืออันตรายได้ ดั้งนั้นการติดตั้งจำเป็นจะต้องติดตั้งด้วยช่างที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการติดตั้งพร้อมให้คำแนะนำที่ถูกต้อง
